อีกหนึ่งวิธีโปรแกรมลดน้ำหนักที่หนุ่มสาวสายเฮลตี้ในต่างประเทศกำลังฮิตหนักมาก นั่นคือการลดน้ำหนักแบบ “One Meal A Day” หรือ “OMAD” เป็นการกินอาหารเพียงมื้อเดียวต่อวัน เพื่อช่วยให้น้ำหนักลดลงฮวบฮาบเร็วดั่งใจ แต่ก็มีคนออกมาโต้ว่า วิธีนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพ แล้วแบบนี้มันดีจริงหรือเปล่า? การ “ลดน้ำหนัก” แบบ One Meal A Day มันคืออะไร? มีวิธีการปฏิบัติตัวยังไงให้ได้ผลและมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง?
โปรแกรมลดน้ำหนักหรือวิธีลดน้ำหนักแบบ One Meal A Day หรือการกินเพียงมื้อเดียวต่อวัน ว่ากันว่าวิธีนี้ช่วย “ลดน้ำหนัก” ได้ด้วยการอดอาหาร หลักการคือให้กินอาหารแค่วันละ 1 มื้อ โดยทั่วไปให้กินเป็นมื้อเย็น และไม่โหลดแคลอรีอื่นๆ เข้าไประหว่างวัน
จะว่าไปแล้วการลดน้ำหนักแบบนี้ก็คือหนึ่งประเภทของการลดน้ำหนักแบบ I.F. (การแบ่งเวลาอดอาหาร และแบ่งเวลากินอาหาร 18:6 เพื่อลดน้ำหนัก) ที่หลายๆ คนรู้จักกันดี เพียงแต่วิธีการของ One Meal A Day จะโหดกว่า คือ ให้กินแบบ 23:1 หมายความว่าให้งดอาหาร 23 ชั่วโมง แน่นอนว่ารวมเวลานอนหลับด้วย และให้มีเวลากินได้เพียง 1 ชั่วโมง!
คือโดยระหว่างวัน จะไม่กินหรือดื่มอะไรที่มีแคลอรีเข้าไปในร่างกายเลย ยกเว้น “น้ำเปล่า” ไม่มีแคลอรี ที่ดื่มได้ และเนื่องจากเป็นการลดน้ำหนักที่โหด…ถึงโหดมาก จึงไม่ใช่ทุกคน ที่จะลดน้ำหนักแบบนี้ได้ เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพร่างกายมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ
โปรแกรมลดน้ำหนัก OMAD ลดได้แค่ไหน มีบทความต่างประเทศที่บอกเล่าและรีวิวเกี่ยวกับการลดน้ำหนักด้วยวิธี One Meal A Day แบบนี้ ซึ่งพบว่า มันสามารถช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีเป็นที่น่าพอใจ ยกตัวอย่าง สาวบิ๊กไซส์คนหนึ่งชื่อ Jennifer Still เธอเคยลดน้ำหนักด้วยการกิน Keto มาก่อน ทำบ้างหยุดบ้างมานานถึง 4 ปี แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ตั้งใจไว้ เธอเลยตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้วิธีการกินแบบ OMAD ในเดือนมิถุนายนปี 2018 ทำต่อเนื่องมา 7-8 เดือน บวกกับการออกกำลังกาย ผลปรากฏว่าเธอสามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 120 ปอนด์ หรือประมาณ 50 กิโลกรัม